ในวันที่รถพลังงานไฟฟ้า(EV)ต้องกลายเป็นรถมือสองอะไรจะเกิดขึ้น?📢📢📢📢
📢📢📢📢ในวันที่รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ต้องกลายเป็นรถมือสองอะไรจะเกิดขึ้น? มาร่วมไขข้อข้องใจกับคุณณัฐวุฒิ ไพศาลวิภัชพงศ์ หรือ คุณณัฐ กรรมการบริษัท คาร์โฟร์ชัวร์ และผู้ร่วมก่อตั้ง “เว็บไซต์ Car4sure”ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายรถยนต์มือสองชื่อดังระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้ชื่อ“19 ศรีปกรณ์”ที่มีประสบการณ์ด้านรถมือสองมากว่า 30 ปี📸🎤🖊️🚘📣📣📣
สำหรับตลาดรถในเมืองไทยนั้นการเปิดฉากบุกตลาดของรถอีวี (EV) หรือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในระยะนี้ต้องยอมรับว่า นับวันจะมีการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยเห็นได้จากการเผยโฉมรถยนต์อีวีในช่วงที่ผ่านมาจากหลายๆ ค่ายรถไม่ว่าจะเป็นค่ายรถจากประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงค่ายรถยุโรปต่างพากันเดินหน้าเผยโฉมยนตกรรมใหม่ๆ ออกสู่สาธารณชนอยู่เป็นระยะๆ และที่สำคัญกับราคาจำหน่ายก็ยังเป็นแรงจูงใจที่พอจะทำให้ใครลูกค้าหลายๆ ท่านสามารถเอื้อมถึงได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตามผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่มองถึงทิศทางของตลาดรถอีวี (EV) โดยผมขอมองว่า หากตลาดรถอีวี(อีวี)​ได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่ายทั้งภาครัฐบาล รวมถึงภาคเอกชนที่มีการประสานความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ผมก็เชื่อว่าทิศทาง และแนวโน้มของตลาดยนตกรรรมประเภทนี้จะก้าวไปสู่อนาคตที่สดใสได้ ซึ่งนั่นก็หมายถึงปัญหาเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นกับเมืองไทยบ้านเราก็จะดีขึ้นตามลำดับนั่นเอง
อย่างไรก็ตามกับธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว หรือ ธุรกิจรถยนต์มือสอง ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความสำคัญกับตลาดรถอีวี (EV) เป็นอย่างมาก ที่ผ่านมามีคำถามมากมายกับผู้ประกอบการยนต์มือสองเกี่ยวกับรถยนต์อีวี (EV) ว่า เมื่อรถยนต์อีวี (EV) ถูกผลักดันเข้าสู่ตลาดรถมือสองแล้ว ราคาขายต่อจะเป็นอย่างไร? คุณภาพรถอีวี (EV) เมื่อเข้าสู่ตลาดรถมือสองแล้วจะเป็นอย่างไร? ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองจะรับมือกับสินค้าที่เป็นยนตกรรมประเภทรถยนต์ อีวี (EV) อย่างไร? และที่สำคัญผู้ประกอบการรถยนต์มือสองมีความเคลื่อนไหวอย่างไรกับการเปลี่ยนถ่ายจากเครื่องยนต์สันดาปภายในสู่รถยนต์รถอีวี (EV) เป็นต้น
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ผมได้มีโอกาสพูดคุย และสัมภาษณ์พิเศษคุณณัฐวุฒิ ไพศาลวิภัชพงศ์ หรือ คุณณัฐ กรรมการบริษัท คาร์โฟร์ชัวร์ และผู้ร่วมก่อตั้ง “เว็บไซต์ Car4sure”ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายรถยนต์มือสองชื่อดังระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้ชื่อ “19 ศรีปกรณ์” ที่มีประสบการณ์ด้านรถมือสองมากว่า 30 ปีโดยท่านให้สัมภาษณ์ในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องราวของรถยนต์อีวี (EV) กับธุรกิจรถยนต์มือสองว่า ธุรกิจรถมือสองจะมีบทบาท และให้ความสำคัญกับตลาดรถยนต์อีวี (EV) อย่างไรโดยมีเนื้อหาใจความดังนี้
****************
ถาม : สวัสดีครับคุณณัฐ ตอนนี้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถยนต์อีวี (EV) เริ่มเข้าสู่ตลาดรถมือสองหรือยังครับ?
ตอบ : สวัสดีครับ ผมนายณัฐวุฒิ ไพศาลวิภัชพงศ์ หรือ ณัฐ ครับ จากคำถามแรก ผมมองว่า จากกระแสความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยียานยนต์ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา อย่างที่เราทราบกันดีว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันไปสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักจะเห็นได้ว่าในตลาดรถยนต์มือหนึ่งนั้นเริ่มมีการนำรถยนต์โมเดลใหม่ๆ หลายๆ รุ่นเข้ามาทำการตลาดในไทยได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ในตลาดรถมือสองนั้นคนไทยเพิ่งจะเริ่มคุ้นชินกับรถยนต์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์น้ำมันร่วมกับแบตเตอรี่ไฟฟ้าทั้งแบบที่ เรียกว่า Hybrid หรือ Plug-In Hybrid เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง
แต่ถ้าหากจะหมายรวมถึงรถยนต์ที่เป็นระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ 100% หรือ EV นั้น ต้องยอมรับว่ายังค่อนข้างใหม่เกินกว่าที่รถยนต์ประเภทดังกล่าวจะเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสองในปีนี้ หรือ แม้กระทั้งปีหน้า แต่ในเว็บไซต์ Car4sure ซึ่งเป็นเว็บไซต์ รวมดีลเลอร์ หรือ ผู้จำหน่ายรถมือสองระดับคุณภาพชั้นนำเองก็มีดีลเลอร์ที่นำเข้ารถยนต์ประเภท EV ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้ามาจำหน่ายแล้วเช่นกัน หากแต่เป็นรถยนต์ใหม่ป้ายแดงซึ่งนำเข้า และจำหน่ายโดยดีลเลอร์ “รถบ้านคุณฉัตรชัย”ภายใต้ชื่อ EMPEROR AUTO IMPORT ซึ่งนำเข้ามาทำ การตลาดหลายรุ่น เช่น TESLA Model3 , NISSAN LEAF , NISSAN KICK ซึ่งทำให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วก็ให้ความสำคัญกับการยกระดับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และพร้อมสนับสนุนเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่แพ้ค่ายรถชั้นนำ และผู้ประกอบการรถป้ายแดงเช่นกันครับ
****************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่ารถอีวีเมื่อเข้าสู่ตลาดรถมือสองแล้ว กลไกลทางด้านราคาจะเป็นอย่างไร?
ตอบ : จากสถิติยอดขายในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าทัศนคติของคนไทยที่เล่นรถมือสอง ยังคงมีทัศนคติด้านลบเกี่ยวกับรถยนต์ที่เป็นระบบกึ่งไฟฟ้า หรือ Hybrid อยู่มาก เนื่องจากความกังวลในเรื่องการซ่อมบำรุง และราคาค่าอะไหล่โดยเฉพาะค่าแบตเตอรี่ ทำให้ราคารถยนต์ระบบ Hybrid ที่เป็นมือสองนั้นร่วงค่อนข้างเร็ว และมีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า รถยนต์ระบบน้ำมัน เมื่อเข้าสู่ตลาดรถมือสอง ซึ่งโดยปกติแล้วราคารถยนต์ Hybrid ก็จะลดลงในสัดส่วนเดียวกับรถน้ำมัน เพียงแต่ราคาจะต่ำกว่าราคารถที่เป็นระบบน้ำมันลงไปอีกประมาณ 10-20% ในแต่ละรุ่น
ซึ่งถ้าให้เรามองอนาคตในเรื่องของราคารถยนต์ EV เมื่อเป็นรถมือสองแล้วก็คิดว่าน่าจะออกมาในลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ ราคาน่าจะต่ำกว่ารถยนต์ระบบน้ำมันประมาณ 10-20% ในแต่ละรุ่นเช่นกันซึ่งเราเองก็คิดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่กลุ่มคนที่เล่นรถมือสอง จะเริ่มคุ้นชินกับรถยนต์ระบบไฟฟ้า ทั้งแบบ EV , Hybrid , Plug-In Hybrid แต่อย่างไรก็ยังคิดว่าในที่สุดราคามือสองในประเภทของรถยนต์ระบบไฟฟ้าจะไม่ได้แตกต่างจะรถยนต์ทั่วไปมากนัก ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระยะเวลาในการชาร์จไฟ , ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รวมถึงความพอเพียงของสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศ
**************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่าสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ทำไว้ใช้สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าล้วน(ชาร์จจิ้ง สเตชั่น) ในปัจจุบันมีเพียงพอหรือไม่?
ตอบ : ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าการที่จะทำให้คนไทยคุ้นชินกับรถยนต์ระบบไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระยะเวลาในการชาร์จไฟ , ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รวมถึงความพอเพียงของสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศดังนั้น จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตในไทยได้ ซึ่งสถานีชาร์จที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000-3,000 แห่งที่อยู่ในกรุงเทพ ขณะนี้อาจจะเพียงพอสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะครอบครองรถยนต์ EV แต่ในอนาคตยังคงต้องทยอยเปลี่ยนจากสถานีเติมน้ำมันเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้า หากต้องการให้ตลาดรถยนต์ EV เติบโตในไทยซึ่งแน่นอนกับชาร์จจิ้ง สเตชั่น ควรจะต้องมีเพิ่มขึ้นให้มากกว่านี้นั่นเอง
**************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่าอุปกรณ์ที่ต้องใช้กับรถอีวี เช่น การติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านรวมมูลค่าหลักหมื่นบาทที่จะต้องมาคู่กับรถอีวีจะมีผลกับการตัดสินใจของกลุ่มลูกค้ารถมือสองหรือไม่?
ตอบ : แน่นอนว่าอุปกรณ์พื้นฐาน อย่างเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านซึ่งมูลค่าประมาณกว่า 20,000 บาท ย่อมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคแน่นอน แต่เราก็เชื่อว่าหากมีปริมาณความต้องการซื้อรถยนต์ EV เพิ่มมากขึ้น ย่อมทำให้ราคาค่าอุปกรณ์เครื่องชาร์จไฟฟ้าที่ติดตั้งที่บ้าน มีราคาถูกลงเรื่อยๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน
**************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่า หากรถอีวีเข้าสู่ตลาดรถมือสองมากขึ้น ดีเลอร์ หรือ ผู้จำหน่ายรถมือสองจะมีบริการรับประกันสินค้าหลังการจำหน่ายไปแล้วหรือไม่?
ตอบ : ปัจจุบันนี้ดีลเลอร์ในสังกัดใน Car4sure เองก็มีประสบการณ์การขายรถยนต์ในระบบกึ่งไฟฟ้า หรือ Hybrid มาจำนวนมากพอสมควร ซึ่งนโยบายปัจจุบันของการรับประกันคือ เรารับประกันเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์ และอะไหล่ส่วนต่างๆ ที่เป็นระบบหลักของรถยนต์ ซึ่งยังไม่ได้ครอบคลุมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด เพราะเป็นอะไหล่ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งาน
แต่โดยปกติแล้ว ตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเองก็ได้รับการรับประกันจากศูนย์อยู่แล้ว 10 ปี ซึ่งหากรถยนต์ที่อายุใกล้ๆ 10 ปี กลุ่มลูกค้าเองก็ค่อนข้างจะทราบดีถึงความเสี่ยงที่อาจจะจำเป็นต้องซื้อแบตเตอรี่ไฮบริดลูกใหม่ในอนาคตซึ่งในอนาคตหากมีรถยนต์ EV ไหลเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสองมากขึ้น ทางดีลเลอร์เองก็อาจต้องอ้างอิงตามเงื่อนไขการรับประกันของบริษัทตัวแทนการรับประกันต่างๆ เช่น GPS24 , Fixman , AsiaCare ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับรถ
ยนต์ระบบ EV มากนัก เนื่องจากยังมีปริมาณรถในตลาดมือสองน้อยมาก
****************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่า ประเทศอะไรในสายตาคุณ ที่ประสบความสำเร็จในเรื่องตลาดรถอีวีทั้งที่เป็นรถป้ายแดง และรถมือสอง?
ตอบ : ผมคิดว่าประเทศจีน คือ ประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากที่สุดในโลก ส่วนอันดับรองลงมา คือ ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งจีนดูจะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ หากประเทศไทยต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวซึ่งภาครัฐอาจต้องมีนโยบายที่ผลักดันให้เกิดการขยายตัว และเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้า , นโยบายด้านภาษีที่จูงใจให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ,นโยบายที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ ฯลฯ
****************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่า สถาบันการเงินจะมีส่วนผลักดันให้ตลาดรถอีวีเติบโตในธุรกิจรถมือสองหรือไม่?
ตอบ : จริงๆ แล้วโดยพื้นฐานของเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อรถยนต์ทั้งรถใหม่ และรถมือสองนั้น สถาบันการเงินไม่ได้สนใจในเรื่องของเทคโนโลยี หรือ ราคาขายต่อมากนัก แต่จะพิจารณาจากคุณสมบัติ และเครดิตและความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าเป็นหลัก ดังนั้นเราคิดว่าเราไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าของรถยนต์ไฟฟ้ามากนัก
****************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่าค่ายรถป้ายแดง จะมีส่วนผลักดันอย่างไร? เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่า รถอีวีเมื่อเข้าสู่ตลาดรถมือสองราคาจะไม่ตกลงมาก
ตอบ : ผมคิดว่า หากวงการรถป้ายแดงต้องการมีส่วนผลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ในเรื่องของความเชื่อมั่นด้านราคาเมื่อขายต่อเป็นรถมือสองในอนาคต ก็อาจจำเป็นต้องเข้ามาเป็นผู้ค้ำประกันด้านราคารับซื้อ เช่น มีการรับประกันราคาขายต่อในอนาคต เมื่อลูกค้าต้องการจะขายคันเก่าเพื่อซื้อรถใหม่ ซึ่งเราเองก็มองว่ามีข้อดี ที่จะช่วยพยุงราคารถมือสองของรถยนต์ไฟฟ้าได้เช่นกัน
****************************
ถาม : คุณณัฐ คิดว่าต่อไป ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว จะมีการปรับบทบาทกับกิจการของตนเองหรือไม่ เช่น ปัจจุบันบางเต็นท์รถเน้นขายรถมือสองที่เป็นของญี่ปุ่น บางเต็นท์เน้นขายรถมือสองที่เป็นรถยุโรป ซึ่งต่อไปจะมีเต็นท์รถที่จะขายแต่รถอีวีล้วนๆ หรือไม่?
ตอบ :เรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV นั้นได้มีการถูกพูดถึงในวงการรถมือสองมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเราเองไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะจากประสบการณ์ในอดีต เราพบว่าความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีย่อมมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของตัวมันเอง ดังเช่น ในอดีตมีการเปลี่ยนเทคโนโลยีจากเครื่องยนต์คาบูลไปใช้เครื่องยนต์หัวฉีด , จากเครื่องยนต์ดีเซลแบบดั้งเดิมไปเป็นระบบคอมมอนเรล
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน กลุ่มลูกค้าเองก็จะค่อยๆ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เราเองเป็นเพียงคนกลางที่กินส่วนต่างในการซื้อขายหรือเปลี่ยนมือจากผู้บริโภคสู่ผู้บริโภคย่อมมีเวลาในการค่อยๆ ปรับตัวและเปลี่ยนแนวของสินค้าในทันกับแต่ละยุคสมัย ซึ่งเราเองก็เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ความนิยมในรถยนต์ระบบน้ำมันจะค่อยๆ ลดลง และความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็อาจจะต้องขายเฉพาะรถ EV ซึ่งแต่ละดีลเลอร์ก็ย่อมมีความพร้อมที่จะค่อยๆ เปลี่ยนแนวของสินค้าในสต็อกของตนเองได้อย่างแน่นอน
****************************
ถาม : ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ในระดับ เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร และพนักงานมีการเรียนรู้ และรับมือกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นรถยนต์อีวีอย่างไร? เพื่อให้เกิดความชำนาจในการดูรถ ตรวจสภาพรถ และรับรถมาขายในกรณีที่รถยนต์อีวีจะต้องทุกผลักเข้ามาสู่ตลาดรถมือสองอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ตอบ : จริงๆ แล้วโดยพื้นฐานของการดูรถหรือตรวจสอบสภาพรถยนต์ ในส่วนของโครงสร้างรถ ไม่ว่าจะเป็นรถ EV หรือรถยนต์ธรรมดาทั่วไป ก็มีวิธีการตรวจสอบที่ไม่แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่หากเป็นรถยนต์ EV ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทางดีลเลอร์แต่ละท่านเองก็อาจจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการขับเคลื่อน , ระบบแบตเตอรี่ , ระบบจ่ายไฟ , ระบบส่งกำลังเพื่อที่จะสามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น เพื่อความอุ่นใจของผู้บริโภค
****************************
ถาม : อยากให้คุณณัฐ แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์อีวีในช่วงท้ายครับ
ตอบ : ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในหลายๆ ด้าน เช่น ลดมลพิษทั้งทางอากาศ และเสียง ,ลดปริมาณการใช้ทรัพยากรน้ำมัน,ลดปริมาณขยะ ,ลดภาวะโลกร้อน ร่วมถึงอาจลดปัญหาการจราจรในกรณีที่มีการพัฒนาระบบ Autonomous Car หรือ รถยนต์ไร้คนขับในอนาคต ซึ่งก็แต่หวังว่าทางภาครัฐจะเล็งเห็นถึงความสำคัญ และรีบคว้าโอกาสในการปรับตัวเรื่องนี้ เช่น ออกมาตรการช่วยเหลือด้านภาษีเพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย รวมถึงผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอะไหล่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และพยายามเพิ่มปริมาณสถานีชาร์จไฟฟ้าในไทย ซึ่งเราเองยังคงต้องพึ่งพาเทคโนโลยี และองค์ความรู้จากต่างประเทศค่อนข้างมาก ก็คิดว่า ควรจะใช้มาตรการด้านภาษีเป็นหลัก เพื่อส่งเสริมให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในเรื่องนี้ครับ.
*บทสัมภาษณ์เขียนโดย : คุณปอนด์ คอนเนค นิตยสารข่าวรถ